สัญญาซื้อขาย คือ สัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่งเรียกว่า ผู้ขาย โอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า ผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย (ปพพ. มาตรา 453)
การซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน ต้องทำเป็นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร และจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดิน (ปพพ. มาตรา 456)
กฎหมายที่เกี่ยวข้องหลัก
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ปพพ.)
o มาตรา 456: การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
o มาตรา 1299 เป็นต้นไป: การโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
o ว่าด้วยเรื่องการโอนที่ดิน การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
o กำหนดข้อจำกัดการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติและบริษัทต่างด้าว
กฎหมายภาษี เช่น
o ภาษีธุรกิจเฉพาะ
o อากรแสตมป์
o ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (สำหรับนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา)
กระบวนการซื้อ-ขายที่ดิน
1. ทำสัญญาจะซื้อจะขาย (Optional)
o อาจมีเงื่อนไขหรือวางเงินมัดจำ
2. ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์และภาระผูกพันต่าง ๆ
o โฉนดที่ดิน (น.ส.4 จ.)
o ภาระจำยอม, การจดจำนอง, คำสั่งศาล ฯลฯ
3. ทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดิน
o ต้องมีคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย หรือมีหนังสือมอบอำนาจ
4. ชำระภาษีและค่าธรรมเนียม
o ค่าธรรมเนียมโอน 2%
o ภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือ ภาษีเงินได้ ฯลฯ
กรณีเฉพาะ: ชาวต่างชาติ
บุคคลธรรมดา: โดยทั่วไปห้ามถือครองที่ดิน ยกเว้นในกรณีเช่น มรดก, สิทธิภายใต้ BOI, หรือซื้อบ้านพร้อมที่ดินตามกฎหมายการส่งเสริมการลงทุน (จำกัดไม่เกิน 1 ไร่)
นิติบุคคล: หากมีสัดส่วนหุ้นของชาวต่างชาติเกิน 49% จะถือเป็น บริษัทต่างด้าว ซึ่งถือครองที่ดินไม่ได้ ยกเว้นได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ
ประเด็นทางธุรกิจ
Due Diligence: การตรวจสอบที่ดินก่อนลงทุน เช่น เขตผังเมือง, การใช้ประโยชน์ที่ดิน, น้ำไฟ, ถนนสาธารณะ
การวางแผนภาษี: สำคัญในการลดภาระทางภาษีจากการซื้อ-ขาย
การใช้บริษัทโฮลดิ้ง: นิยมใช้ในการถือกรรมสิทธิ์แทนบุคคลธรรมดา (ต้องระวังโครงสร้างถือหุ้นของต่างชาติ)