หนังสือมอบอำนาจ (Power of Attorney POA)

หนังสือมอบอำนาจ คืออะไร?

หนังสือมอบอำนาจ คือ เอกสารทางกฎหมาย ที่บุคคลหนึ่งเรียกว่า "ผู้มอบอำนาจ" (Principal / Grantor) จัดทำขึ้นเพื่อแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งว่า ต้องการให้บุคคลอื่นเรียกว่า "ผู้รับมอบอำนาจ" (Attorney-in-fact / Agent) เป็นผู้กระทำการแทนตนในเรื่องที่ระบุ โดยการกระทำของผู้รับมอบจะมีผลทางกฎหมายเสมือนผู้มอบอำนาจเป็นผู้กระทำเอง

การทำหนังสือมอบอำนาจถือเป็น "นิติกรรมฝ่ายเดียว" (แต่ต้องมีการยินยอมรับจากผู้รับมอบอำนาจในทางปฏิบัติ) และอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797-810

องค์ประกอบสำคัญของหนังสือมอบอำนาจ

1. ข้อมูลผู้มอบอำนาจ (Principal)

ต้องระบุชื่อนามสกุลให้ครบถ้วน อาจใส่ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษหากจำเป็น พร้อมหมายเลขบัตรประชาชนหรือหมายเลขหนังสือเดินทาง และที่อยู่ปัจจุบัน รวมถึงข้อมูลติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ ทั้งหมดต้องตรงกับเอกสารประกอบ

2. ข้อมูลผู้รับมอบอำนาจ (Attorney-in-fact)

ระบุชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ที่อยู่ และช่องทางติดต่อ หากเป็นชาวต่างชาติควรระบุหมายเลขหนังสือเดินทางและสัญชาติด้วย

3. วัตถุประสงค์และขอบเขตของการมอบอำนาจ

ต้องระบุให้ชัดเจนว่ามอบให้ทำเรื่องอะไร เช่น ซื้อขายที่ดิน ยื่นเอกสารต่อหน่วยงานราชการ รับเงินแทน หรือทำธุรกรรมกับธนาคาร ควรเขียนให้ชัดว่าครอบคลุมเรื่องใดบ้าง และมีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขใด เช่น ใช้ได้ภายในระยะเวลาใด หรือเฉพาะกับหน่วยงานใด

4. วัน เดือน ปี และสถานที่จัดทำ

ต้องระบุวันที่ชัดเจน โดยหน่วยงานราชการบางแห่ง เช่น กรมที่ดิน กำหนดว่าหนังสือมอบอำนาจต้องมีวันที่ไม่เกิน 30 วันก่อนวันยื่นเรื่อง และควรระบุสถานที่ทำเอกสารด้วย เช่น จังหวัดหรือประเทศ

5. ลายมือชื่อผู้มอบอำนาจ

ผู้มอบอำนาจต้องลงลายมือชื่อตรงกับเอกสารประจำตัว บางกรณีต้องเซ็นทุกหน้า และบางหน่วยงานอาจกำหนดให้เขียนชื่อกำกับด้วย

6. ลายมือชื่อผู้รับมอบอำนาจ

แม้กฎหมายไม่บังคับทุกกรณี แต่การให้ผู้รับมอบลงชื่อรับช่วยยืนยันว่าผู้รับมอบยอมรับการมอบอำนาจนั้น โดยเฉพาะแบบฟอร์มของกรมที่ดินมักกำหนดให้เซ็นทั้งสองฝ่าย

7. พยาน

บางกรณีต้องมีพยานอย่างน้อย 12 คน พร้อมระบุชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชน และลายมือชื่อ เพื่อรับรองว่าการมอบอำนาจได้ทำขึ้นโดยสมัครใจ

8. การรับรองลายมือชื่อ (Notarization หรือ Legalization)

หากทำในประเทศไทย อาจใช้ทนายความที่มีใบอนุญาต Notarial Services Attorney รับรองลายมือชื่อ หากทำในต่างประเทศต้องรับรองโดย Notary Public และผ่านการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศหรือสถานทูต เพื่อให้ใช้ได้ในประเทศไทย

9. เอกสารประกอบ

ต้องแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตของทั้งผู้มอบและผู้รับมอบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่มอบ เช่น โฉนดที่ดิน สัญญา หรือเอกสารบริษัท

10. อากรแสตมป์

ต้องติดอากรแสตมป์ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เช่น 10 บาทสำหรับการมอบอำนาจทั่วไป หรืออัตราที่กำหนดในแบบฟอร์มราชการ (เช่น แบบ ท.ด.21 ของกรมที่ดิน)

ประเภทของหนังสือมอบอำนาจ

1. หนังสือมอบอำนาจทั่วไป (General Power of Attorney General POA)

เป็นการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบสามารถดำเนินการแทนในหลายเรื่อง หรือครอบคลุมเรื่องกว้าง ๆ โดยไม่ได้จำกัดแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ตัวอย่าง:

  • มอบอำนาจให้บริหารจัดการทรัพย์สินทั้งหมด
  • มอบอำนาจให้ทำธุรกรรมทางการเงินได้ทุกประเภท
  • มอบอำนาจให้ดำเนินการแทนในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัท

ข้อดี: ใช้ได้สะดวกในหลายกรณีโดยไม่ต้องทำเอกสารหลายฉบับ

ข้อเสีย: มีความเสี่ยงหากผู้รับมอบนำไปใช้เกินความตั้งใจของผู้มอบ เพราะขอบเขตกว้างเกินไป

หมายเหตุ: หน่วยงานราชการและธนาคารในไทยมักไม่ยอมรับ General POA เว้นแต่ใช้ภายในบริษัทหรือนิติบุคคล

2. หนังสือมอบอำนาจเฉพาะเรื่อง (Specific Power of Attorney Special POA)

เป็นการมอบอำนาจที่กำหนดเรื่องและขอบเขตชัดเจน เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์เฉพาะ

ตัวอย่าง:

  • มอบอำนาจให้ขายที่ดินโฉนดเลขที่
  • มอบอำนาจให้ไปรับเอกสารสำคัญแทน
  • มอบอำนาจให้จดทะเบียนเปลี่ยนกรรมการบริษัท

ข้อดี: ปลอดภัยกว่าเพราะขอบเขตจำกัด ลดความเสี่ยงการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

ข้อเสีย: ใช้ได้เฉพาะเรื่องที่ระบุไว้ หากมีหลายเรื่องต้องทำหลายฉบับ

หมายเหตุ: เป็นรูปแบบที่หน่วยงานราชการในไทย เช่น กรมที่ดิน และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับรองและใช้บ่อยที่สุด

3. หนังสือมอบอำนาจพิเศษ (Special / Limited Power of Attorney)

คล้าย Specific POA แต่มีการระบุ เงื่อนไขพิเศษ เพิ่ม เช่น ระยะเวลาที่ใช้ได้, กำหนดวงเงินสูงสุด, หรือใช้เฉพาะกับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง

ตัวอย่าง:

  • มอบอำนาจให้ขายบ้านภายใน 60 วัน
  • มอบอำนาจให้ทำธุรกรรมในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท
  • มอบอำนาจให้ดำเนินการต่อศาลเพียงคดีเดียว

ข้อดี: ปลอดภัยกว่าเพราะขอบเขตจำกัด ลดความเสี่ยงการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

ข้อเสีย: ปลอดภัยสูงสุด ควบคุมได้ทั้งเวลาและขอบเขต

หมายเหตุ: ถ้าหมดอายุหรือเกินเงื่อนไขจะใช้ไม่ได้ ต้องทำใหม่

4. หนังสือมอบอำนาจถาวร (Durable Power of Attorney DPOA)

เป็นการมอบอำนาจที่ยังคงมีผลแม้ผู้มอบอำนาจจะไม่สามารถตัดสินใจได้เอง เช่น เจ็บป่วย หมดสติ หรือพิการ

ตัวอย่าง:

  • มอบอำนาจให้คู่สมรสจัดการทรัพย์สินและบัญชีธนาคารแม้ตนเจ็บป่วย
  • มอบอำนาจให้บุตรดูแลและตัดสินใจเรื่องการรักษาพยาบาล

ข้อดี: คุ้มครองในกรณีฉุกเฉินที่ผู้มอบไม่สามารถสื่อสารหรือจัดการเอง

ข้อเสีย: ต้องร่างอย่างรอบคอบ และในไทยยังไม่ใช้แพร่หลายเท่าประเทศตะวันตก

หมายเหตุ: ถ้าหมดอายุหรือเกินเงื่อนไขจะใช้ไม่ได้ ต้องทำใหม่

5. หนังสือมอบอำนาจสำหรับใช้ในต่างประเทศ (Overseas POA)

เป็นหนังสือมอบอำนาจที่ทำขึ้นในประเทศไทยเพื่อใช้ในต่างประเทศ หรือทำในต่างประเทศเพื่อใช้ในไทย ต้องผ่านกระบวนการ Notarization และ Legalization/Apostille

ตัวอย่าง:

  • ชาวต่างชาติทำ POA ที่สถานทูตไทยในต่างประเทศเพื่อให้ตัวแทนขายคอนโดในไทย
  • คนไทยในต่างประเทศมอบอำนาจให้ญาติรับโฉนดแทนในไทย

ข้อดี: ใช้ข้ามเขตแดนได้เมื่อผ่านการรับรองถูกต้อง

ข้อเสีย: ขั้นตอนซับซ้อนและต้องเสียค่าธรรมเนียมหลายขั้นตอน

ความสำคัญของหนังสือมอบอำนาจ

1. ยืนยันสิทธิและความถูกต้องทางกฎหมาย

หนังสือมอบอำนาจเป็นหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าผู้รับมอบมีสิทธิทำการแทนผู้มอบ ซึ่งเป็นการป้องกันข้อโต้แย้งหรือข้อพิพาทในอนาคต

เช่น กรณีผู้รับมอบไปขายที่ดินแทนผู้มอบ หากมี POA ที่ถูกต้อง การขายจะมีผลผูกพันตามกฎหมาย

2. เป็นเครื่องมือในการมอบหมายหน้าที่เมื่อไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเอง

เหมาะในกรณีผู้มอบอยู่ต่างประเทศ ติดภารกิจ หรือไม่สะดวกไปติดต่อหน่วยงานด้วยตนเอง

3. ลดความเสี่ยงจากการกระทำโดยไม่มีอำนาจ

ถ้าผู้รับมอบไม่มีเอกสารนี้แล้วไปทำการแทน อาจถูกปฏิเสธหรือเป็นโมฆะ หนังสือมอบอำนาจช่วยให้การกระทำมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย

4. ใช้เป็นหลักฐานในหน่วยงานราชการและเอกชน

หน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ศาล หรือธนาคาร จะต้องการเอกสารนี้ก่อนอนุญาตให้ผู้อื่นทำแทนเจ้าของสิทธิ

ประโยชน์ของหนังสือมอบอำนาจ

1. อำนวยความสะดวก

ไม่ต้องเดินทางไปดำเนินการด้วยตนเองในทุกเรื่อง โดยเฉพาะกรณีที่อยู่ต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ

2. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเวลาที่ต้องลางานหรือหยุดกิจการเพื่อไปติดต่อเอง

3. รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

เช่น ผู้ป่วยไม่สามารถไปยื่นเรื่องต่อธนาคารได้ สามารถมอบอำนาจให้ญาติทำแทนได้ทันที

4. เพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจและการจัดการทรัพย์สิน

เจ้าของธุรกิจสามารถมอบหมายให้หุ้นส่วนหรือพนักงานทำธุรกรรมแทนได้ในช่วงที่ตนไม่อยู่

5. ป้องกันความเสียหายจากการดำเนินการผิดขั้นตอน

เมื่อมีหนังสือมอบอำนาจอย่างถูกต้อง ผู้รับมอบสามารถทำเรื่องได้โดยไม่ถูกปฏิเสธจากหน่วยงาน และลดความเสี่ยงที่ต้องเริ่มกระบวนการใหม่

6. ใช้ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

หากผ่านการรับรองที่ถูกต้อง (Notarization/Legalization) หนังสือมอบอำนาจสามารถใช้ได้ข้ามประเทศ เช่น การขายทรัพย์สินในไทยโดยผู้มอบอยู่ต่างประเทศ

ประโยชน์ของหนังสือมอบอำนาจ

กรณี ชาวต่างชาติที่ต้องการทำหนังสือมอบอำนาจ ในประเทศไทย จะมีขั้นตอนและข้อควรระวังพิเศษมากกว่าคนไทย เพราะเกี่ยวข้องกับทั้ง เอกสารระบุตัวตน, ภาษา, และการรับรองเอกสาร เพื่อให้หน่วยงานไทยยอมรับ

1. สถานการณ์ที่พบได้บ่อย

  • ชาวต่างชาติอยู่ในไทย แต่ไม่สะดวกไปดำเนินการด้วยตนเอง เช่น ขายคอนโด, ต่อวีซ่า, ติดต่อธนาคาร
  • ชาวต่างชาติอยู่ต่างประเทศ แต่อสังหาริมทรัพย์หรือธุรกรรมอยู่ในไทย
  • ต้องมอบอำนาจให้ทนายหรือบุคคลที่ไว้ใจจัดการเรื่องคดีความหรือเอกสารราชการ

2. ข้อกำหนดหลัก

1. เอกสารต้องเป็นภาษาไทย หรือสองภาษา (ไทยอังกฤษ)

o ถ้าเป็นภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว ต้องแนบคำแปลไทยพร้อมการรับรองคำแปล

o เพื่อให้หน่วยงานไทย เช่น กรมที่ดิน, ศาล, หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับรองได้ทันที

2. การระบุตัวตนของผู้มอบอำนาจ

o ใช้ข้อมูลจากหนังสือเดินทาง (Passport) เป็นหลัก

o ต้องระบุสัญชาติและที่อยู่ปัจจุบันให้ตรงกับเอกสารประกอบ

3. การรับรองลายมือชื่อ

หากทำในประเทศไทย:

สามารถไปเซ็นต่อหน้าทนายที่มีใบอนุญาต Notarial Services Attorney ในไทย เพื่อรับรองลายมือชื่อ

หากทำในต่างประเทศ:

ต้องเซ็นต่อหน้า Notary Public ในประเทศนั้น และนำไปผ่านขั้นตอน Legalization หรือ Apostille ก่อนส่งมาใช้ในไทย

หรือสามารถไปเซ็นที่ สถานทูต/สถานกงสุลไทย ในประเทศที่พำนักอยู่

4. เอกสารประกอบ

o สำเนาหนังสือเดินทางและหน้าวีซ่า (ถ้ามี) ของผู้มอบ

o สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางของผู้รับมอบ

o เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะมอบ เช่น โฉนดที่ดิน, สัญญา, หนังสือจดทะเบียนบริษัท

5. อากรแสตมป์

o ต้องติดตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เช่น มอบอำนาจทั่วไป 10 บาท

o กรณีกรมที่ดิน จะมีแบบฟอร์มและข้อกำหนดเรื่องการติดแสตมป์ชัดเจน (แบบ ท.ด.21)

3. ข้อควรระวังสำหรับชาวต่างชาติ

  • ควรใช้ มอบอำนาจเฉพาะเรื่อง (Specific POA) เพื่อลดความเสี่ยงจากการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
  • เลือกผู้รับมอบที่ไว้ใจได้ เพราะในทางกฎหมาย การกระทำของผู้รับมอบมีผลผูกพันเหมือนผู้มอบทำเอง
  • ตรวจสอบว่าหน่วยงานที่จะใช้ยอมรับรูปแบบเอกสารนั้นหรือไม่ (บางแห่งกำหนดแบบฟอร์มตายตัว)
  • กำหนดวันหมดอายุของการมอบอำนาจให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในอนาคตโดยไม่ได้รับอนุญาต
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy